
ในวงการ IT ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับกระบวนการ Release Application กันเป็นอย่างดี โดยทั่วไปแล้ว การปล่อยฟีเจอร์ใหม่มักเริ่มจากการนำเสนอไอเดีย สมมติว่าเราเป็นธนาคารและต้องการให้ลูกค้ากลุ่มที่มีเงินเยอะๆ นำเงินไปลงทุน จึงสร้างฟีเจอร์ AI แนะนำการลงทุน
กระบวนการต่อมาคือ ทีมออกแบบจะส่งงานให้ Programmer พัฒนา เมื่อพัฒนาเสร็จ ต้องส่งให้ Tester ทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าฟีเจอร์ทำงานได้อย่างราบรื่นก่อนจะเปิดให้ผู้ใช้จริง แต่ขั้นตอนการปล่อยฟีเจอร์นี่แหละที่เป็น ฝันร้ายของทีมงาน!
การ Release แบบดั้งเดิม: ฝันร้ายของทีม IT
หลายองค์กรต้องทำการ Release ในช่วงเวลาดึก เช่น เที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง ทีมงานต้องอดหลับอดนอน เพื่อเฝ้าดูว่าฟีเจอร์ทำงานได้ตามที่คาดไว้หรือไม่ การปล่อยฟีเจอร์ในช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกับการปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศ เราไม่สามารถควบคุมมันได้แล้ว! หากเกิดข้อผิดพลาด เราอาจต้องรีบ Rollback กลับไปใช้เวอร์ชันเดิมที่ยังไม่มีฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เสี่ยงและยุ่งยาก
Release Management: เปลี่ยนการ Release ให้เป็นเรื่องง่าย
แต่จะเป็นอย่างไรถ้าเรามี Release Management?
Release Management คือแนวทางที่ช่วยให้เราสามารถปล่อยโปรแกรมขึ้นระบบได้ ล่วงหน้า โดยที่ ยังไม่เปิดใช้ฟีเจอร์ใหม่ทันที วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาที่อาจกระทบต่อผู้ใช้งานจริง
✅ Deploy Code ไว้ล่วงหน้า แต่ยังไม่เปิดฟีเจอร์
✅ เลือกเปิดใช้งานเมื่อพร้อม เช่น เวลา 9 โมงเช้า เมื่อลูกทีมอยู่พร้อมหน้าและสามารถรับมือได้
✅ ควบคุมการเปิด-ปิดฟีเจอร์แบบเรียลไทม์ หากพบปัญหา ก็สามารถปิดฟีเจอร์ได้ทันทีโดยไม่ต้อง Rollback
✅ ทดลองกับผู้ใช้บางกลุ่มก่อน (เช่น Beta Users) เช่น ผู้ใช้ที่มีเงินลงทุนสูง หรือผู้ใช้เฉพาะระบบปฏิบัติการ Android หรือ iOS
ด้วยวิธีนี้ เราสามารถเปิดให้เห็นฟีเจอร์ใหม่เฉพาะกลุ่ม และแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
สรุป: Release Management ช่วยให้การปล่อยฟีเจอร์เป็นเรื่องง่ายขึ้น
การใช้ Release Management ไม่เพียงช่วยลดความเครียดของทีมพัฒนา แต่ยังทำให้การปล่อยฟีเจอร์เป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และควบคุมได้มากขึ้น หมดปัญหาการอดหลับอดนอนเพื่อ Release ระบบตอนตีหนึ่ง!
Release Management: ปลดล็อกการปล่อยฟีเจอร์แบบไร้สะดุด!
ต่อไป ไปดู Demonstration กัน 🚀 https://youtu.be/zHoUpitqOfA